วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ชายสองคนกับหนึ่งพิคโกโร่



กาลครั้งหนึ่งนานมากกกแล้ว 

ณ แดนดินสยามเมืองยิ้ม 
ที่ยังมีรอยยิ้มอยู่

มีเรือเดินทะเลมาเทียบท่า 
ขึ้นของลงของจากทั่วสารทิศ

มีชายสองคน 

คนหนึ่งมาจากทางแดนดินเทือกเขาแอลป์
คนหนึ่งมาจากแผ่นดินแห่งทะเลทราย 

มาถึงเมืองที่มีคนมีรอยยิ้ม ให้รู้สึกว่าบาดหูบาดตา 
ทำไมบ้านเมืองนี้ ช่างแปลกประหลาด ทุกคนมีแต่รอยยิ้ม 

ที่บ้านของเรา ใครอยู่ๆ ยิ้มนี่ถือว่า ต้องมีปัญหา 
ทุกคนต้องหน้านิ่ง 
ริมฝีปากเป็นเส้นตรง 
จะยิ้มต่อเมื่อมีเรื่องให้ยิ้ม 
ยิ้มพร่ำเพรื่อถือว่าผิดปกติ


ด้วยความรู้สึกรังเกียจการเห็นคนยิ้มใส่ 
หมายเอาว่า ยิ้มเยาะ 
จึงตกลงกันว่า เราจะต้องเอาสิ่งที่ทำให้ 
คนทางบ้านเมืองของเรา ปราศจากรอยยิ้ม 
คือความกลัวต่ออำนาจลึกลับ 
ความเชื่อสิ่งที่เราต่อต้านไม่ได้
นสิ่งที่พวกเราเรียกว่า"พิคโกโร่"
มาปล่อยไว้แถวนี้ ให้คนที่นี่หมดยิ้มให้จงได้ 
เป็นการขยายอาณาเขตของเราด้วย 


ดังนั้น ก็ตกลงกันสองคนว่า 
ช่วงที่จะมีงานเทศกาลใหญ่ๆ
 ที่เกี่ยวกับความเชื่อของคนที่นี่ 
ให้หาเรื่องให้เสื่อมความนับถือ 
ในตัวบุคคล 
ในพิธีกรรม 
ในทุกเรื่อง

สองคนนี้ เดิมที ก็ไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ 
ทะเลาะกันมานมนาม เพราะบ้านไม่ไกลกันเท่าไหร่
แต่ถือคติว่า ศัตรู ของ ศัตรู ก็คือ มิตรร่วมรบ

ดังนั้น ตอนที่มากันใหม่ๆ ยังไม่เข้มแข็ง
ก็ตกลงที่ต้องทำลายของเก่าก่อนละกัน 
เพื่อจะหยั่งเท้า ยืนให้มั่นคง

ผ่านไปจนกระทั่ง 
กาลไม่นานนี้ 
เริ่มแข็งแรงในดินแดนนี้ 

ณ ที่นี่ ก็ค่อยๆ หมดยิ้ม ไปทุกที 
ลูกหลานของ คนสองคนก็มาอยู่กันอย่างมั่นคง


"พิคโกโร่" ก็เริ่มเป็นสิ่งที่เข้าไปทดแทน 
ความรู้เดิม ของเรื่องชีวิต โลก จักรวาล

ถ้าคนในความเชื่อเดิม บอกว่า 
การเวียนว่ายตายเกิด ไม่มี 
รับรองได้เลยว่า จะถูกตีตาย 
ขับไล่ออกไปจากความเชื่อเดิม

แต่กับสิ่งที่ชายสองคนนั้น บอกว่า 
การเวียนตายเกิดไม่มี 
ตายแล้วก็นั่งรออย่างนั้น 
จนกว่า "พิคโกโร่จะมีอารมณ์มาตัดสิน" 
กับความคิด ความเชื่อ และคำพูดแบบนี้
พวกนักคิดของ ความเชื่อเดิม กลับเฉยๆ

เมื่อเฉยๆ 
ก็ถูกตีว่า มีคนยอมรับ ไม่ปฏิเสธ
รุ่นต่อไป ก็มีการห้ามเรียนในโรงเรียน
ให้ไปพูดคุยกันลับหลัง ที่ไหนสักที่

ถ้าพูดในโรงเรียน ก็สู้ความรู้เดิมไม่ได้
เพราะเต็มไปด้วย เหตุ และ ผล

แต่ถ้าห้ามพูดทั้งหมด ก็พอสู้ได้ 
เดี๋ยวขยายไปทาง 
ความอยาก 
อำนาจ 
อารมณ์ 
เงินตรา

เด็กรุ่นต่อไป ก็คงพอจะทำให้
การยิ้มนี้หมดไปอย่างถาวรได้

เพราะรู้เหตุว่า ยิ้มของคนเมืองนี้
ที่ไม่ต้องมีเรื่องก็มีรอยยิ้ม
เพราะยิ้มมาจากใจ 
เพราะใจถูกความเชื่อเดิมฝึกมาจน ใจอ่อนโยน
เพราะอ่อนโยนจนเห็น ทุกคนบนโลก ร่วมทุกข์อยู่ด้วยกัน
เพราะเห็นถึงความทุกข์ จึงมีรอยยิ้มให้กำลังใจกัน

ดังนั้น " พิคโกโร่" จึงต้องทำอะไรบางอย่าง 
เพราะ "พิคโกโร่ "
เท่านั้นที่ให้กำลังใจ บางคน
เท่านั้นที่พิจารณาให้ใครบางคนทุกข์
เท่านั้นที่จะเลือกให้อยู่ต่อไป
เท่านั้นที่จะได้รับความสุข 
เท่านั้นที่จะรับรอยยิ้ม 



นี่แหละ เหตุของเรื่องราวที่เอารอยยิ้มของพวกเราไป

แล้วจะทำอย่างไร ถึงจะรักษารอยยิ้มไว้บนลูกหลานเรา 
ณ ดินแดนแห่งนี้ได้

หยุด คิดสักนิด ว่าตอนนี้เรากำลังเป็นเครื่องมือ
ให้กับชายสองคน กับ หนึ่ง"พิคโกโร่" ของเค้าไหม

หยุด คิดสักหน่อยว่า พวกเดียวกันเองทำไมไม่รักกัน 
ไม่แบ่งปันกัน ไม่เกื้อกูลกัน ทะเลาะกัน เกลียดกัน ว่าร้าย 
ป้ายสี  

ลุกขึ้นมา บอกเค้าว่า ความเชื่อแบบไหน ที่ไม่มีเหตุ ไม่มีผล 
เต็มไปด้วยความรู้สึก และอารมณ์ที่ไม่คงที่ของสิ่งที่ไม่มีตัวตน
ความเชื่อแบบนี้ที่ปรับเปลี่ยนไปได้ตามเวลา

ไม่ใช่สัจธรรมที่คงอยู่  
บอกเค้าไปว่า คุณควรหันมาศึกษาความเชื่อดั้งเดิมของเรานะ
คุณควรมีใจเมตตาต่อสัตว์โลกนะ
คุณมาอยู่บ้านนี้เมืองนี้ คุณน่าจะเรียนรู้ของดีเมืองนี้ไปนะ
เอาไปบอกคนที่บ้านคุณ 
เปลี่ยนการมอบความตายให้กัน 
เป็นมอบดอกไม้ให้กัน


แล้วก็หยุด กิจกรรม ใส่ร้าย ป้ายสี  เอาความไม่ดีเที่ยวใส่ให้

อยากมาอยู่ด้วยกัน ก็มาหัดยิ้มด้วยกัน 

จะดีกว่าไหม.
ขอบคุณภาพจาก 
http://fb.upyim.com/26844/
http://universityshare.blogspot.com/2016/02/04thaimonks.html