บทละครอีกตอนทีร้อนแรง คือ ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นซะเอง ในขณะที่พุทธอิสระออกมาเที่ยวฟ้องร้องไปทั่วบ้านเมืองนั้น ตัวเองก็โดนสังคมตรวจพบว่า ฮุบที่ป่าสงวนที่เชียงใหม่ไว้ สามร้อยกว่าไร่ ก็ต้องออกมาแก้เกี้ยว แถ กันไปด้วยคำพูดสวยหรูว่า
"ต้องขอบคุณตัวเค้า ที่จ่ายตังไปสามล้าน เพื่อซื้อที่มาปลูกป่าให้กรมป่าไม้ สิบปีจะคืน" โห คิดได้ นะ
มีรายการทางทีวีช่อง 24 ได้ ทำสรุป และอ้างรายการอีกช่องที่สัมภาษณ์ พุทธอิสระ ทำได้ตรงประเด็นดี เลยนำมาเก็บเป็นบทละครจำอวดอีกหนึ่งตอน
กรมป่าไม้ ยืนยัน หลวงปู่พุทธะอิสระ (พระสุวิทย์) ไม่เคยขออนุญาติปลูกป่า ฮุบที่ดินยังมาโกหกอีก
ถอดความจากรายการ จากทีวีช่อง TV24
ผอ.สำนักงานป้องกันและงานรักษาป่า ก็ยืนยัน พุทธอิสระไม่เคยขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนกับกรมป่าไม้ และไม่ทราบด้วยว่าไปซื้อต่อมาจากใคร นะครับ
เพราะไม่มีชาวบ้านเค้าใช้ทำประโยชน์กันแล้ว นะครับ
ขณะที่เจ้าตัวโยนให้มูลนิธิธรรมอิสระเป็นผู้ชี้แจง หลังจากที่ยืนยันก่อนหน้านี้ด้วยตัวเองว่า ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้แล้ว นะครับ
อ๋อ พูดสองครั้งไม่เหมือนกันหรือนี่ พุทธอิสระ
พิธีกรหญิง : ใช่แล้วก่อนหน้าที่ก็พูดอีกอย่าง มาวันนี้ก็พูดอีกอย่าง
พิธีกรชาย : พูดอีกอย่าง นะฮะ เดี๋ยวเรามาดูตามเนื้อข่าวก่อนดีกว่านะ ท่านผู้ชม ครับความเคลื่อนไหว ของพุทธอิสระมีทุกวัน ติดตามได้ที่นี่ TV24 กัดไม่ปล่อยครับ
นายอรรถพล เจริญชันษา นายอรรถพล เจริญชันษา ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)
ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการอินไซด์ไทยแลนด์ ของนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์โดยยืนยันว่าพุทธอิสระ ไม่ได้ทำหนังสือขออนุญาตใช้ประโยชน์ ในพื้นที่ป่าสงวนจ.เชียงใหม่ จำนวน 315 ไร่
ตามที่พุทธอิสระอ้างว่า มูลนิธิธรรมธรรมอิสระและบริษัทพฤกษเวชของวัดอ้อน้อยเข้าไปซื้อต่อจากชาวบ้าน จำนวนกว่า 3,000,000 บาท แล้วได้อนุญาตได้เข้าไปใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้แล้ว ที่สำคัญ สภาพพื้นที่ดังกล่าวในปัจจุบัน เป็นพื้นที่โล่งเตียน ไม่มีชาวบ้าน เข้าครอบครอง หรือใช้ประโยชน์
ดังนั้นจึงไม่รู้ว่า พุทธอิสระไปซื้อที่ดินในเขตป่าสงวนจากใคร ซื้อจริงหรือไม่ หรือว่าจ่ายเงินให้ใคร
โดยบอกว่า พื้นที่ดังกล่าว ไม่ใช่พื้นที่สิทธิทำกินในเขตป่าไม้ (สธก) แต่ว่าเป็นพื้นที่ที่กรมป่าไม้มีการผ่อนผันให้กับชาวบ้านจำนวน 53 ราย ในการเข้าไปใช้ประโยชน์ทำกิน ตามมติ ของคณะรัฐมนตรี
ซึ่งชาวบ้านเองก็สามารถทำกินได้เฉพาะตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถซื้อขาย หรือเปลี่ยนมือได้
ขณะที่พุทธอิสระก็ เคย ยืนยันก่อนหน้านี้ด้วยว่า การเข้าไปใช้ป่าสงวนในครั้งนี้ ได้รับการอนุญาตจากกรมป่าไม้แล้ว
แต่มาวันนี้ได้กลับคำที่เคยให้สัมภาษณ์ใหม่ โดยไม่ขอยืนยันว่ามีเอกสารยืนยันเข้าใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้หรือไม่
เนื่องจากตัวเองไม่ได้เป็นผู้ซื้อโดยตรงแต่ว่ามูลนิธิธรรมธรรมอิสระกับบริษัทพฤกษเวชของวัดอ้อน้อย เป็นผู้ซื้อ จึงไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด รวมถึงประเด็นที่ว่าไปซื้อจากใคร เมื่อไรนั้น ทางด้านพุทธอิสระก็ไม่ยืนยันเหมือนการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกอีกเช่นกัน
หลังจากผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ได้ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ไม่มีชาวบ้านไปใช้ประโยชน์แล้ว จึงไม่รู้ว่าพุทธอิสระไปซื้อมาจากใคร
ขณะเดียวกันเวลา 13.00 น.ของวันนี้ ทางด้านพุทธอิสระจะเดินทางไปพบกับอธิบดีกรมป่าไม้ เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับตัวเอง ในข้อหาบุกรุกป่า เพื่อใช้เป็นบรรทัดฐานในการจัดการกับพื้นที่อื่น
เมื่อผู้ดำเนินรายการพยายามสอบถามว่า ในเมื่อพุทธอิสระไม่ได้เป็นผู้ซื้อด้วยตัวเอง แต่ทำไมต้องไปให้กรมป่าไม้ดำเนินคดีกับตัวเอง ซึ่งพุทธอิสระไม่ตอบคำถามโดยตรง บอกแต่เพียงว่า ถึงตัวเขาไม่ได้ซื้อ แต่ได้เป็นผู้เข้าไปใช้ประโยชน์ ก็เป็นเหมือนผู้บุกรุก จึงต้องเข้าไปมอบตัวกับกรมป่าไม้
อีกประเด็นหนึ่งที่พุทธอิสระไม่ตอบคำถามโดยตรง แต่พยายามเบี่ยงเบนประเด็นตลอดเวลาก็คือ เหตุผลที่เข้าไปซื้อที่ดินในเขตป่าสงวน เป็นเพราะต้องการใช้พื้นที่ดังกล่าว ปลูกสมุนไพรบางชนิด เพื่อป้อนให้กับบริษัทพฤกษเวช ใช่หรือไม่
ทั้งหมดจึงถือเป็นอีกหนึ่งเงื่อนงำที่ต้องการพิสูจน์กันต่อไป
ขณะที่พุทธอิสระก็มีการประกาศ พร้อมคืนพื้นที่ให้กับกรมป่าไม้ ทันที หากถูกเรียกคืน แต่ว่าต้องสัญญา ว่าห้ามใครรุกป่าไม้เหมือนกัน ไม่เช่นนั้น จะมีการฟ้องกลับไปยังกรมป่าไม้
นอกจากนี้ทางด้านพุทธอิสระยังบอกอีกว่า หากกรมป่าไม้เอาคืน ก็ไม่มีปัญหา เพราะต้องการให้กับกรมป่าไม้อยู่แล้ว แต่ถ้าเอาคือก็ต้องมารับปากก่อนว่าจะดูแลต้นไม้ เพราะอาตมาจ้างคนดูแล คุณเอาคืนแล้วปล่อยให้คนอื่นไปบุกรุก อาตมาก็ฟ้องกลับกรมป่าไม้เหมือนกัน เพราะอาตมาได้มีการปลูกป่าไว้จนเขียวขจีหมดแล้ว
(อ่านคอมเมนต์ที่คัดมาจากโซเชียล)
.. ไม่อยากหรอกครับ วางกรวยล้อมที่ดินไว้ก็ไม่มีใครกล้าบุกรุกหรอกครับ
นึกถึงตอนปี 57 นะ
...หากกรมป่าไม้เอาคืน ก็ไม่มีปัญหา อาตมาก็ต้องการคืนให้อยู่แล้ว...อะไรนะ ง่ายๆ เลยนะท่าน แล้วคดีล่ะ คืออย่างไง
... ในพื้นที่ดังกล่าวมันมีต้นไม้ตรงไหน ที่บอกว่าเขียวขจี เพราะว่ามันเป็นพื้นที่โล่งเตียน จากภาพพื้นที่ปัจจุบัน
... ในกรณีเดียวกันต้องฟ้องร้องคนบุกรุกครับ ไม่ใช่ไปฟ้องกรมป่าไม้ ซึ่งเป็นสมบัติของแผ่นดิน ไม่ต้องมีข้อตกลงการคืน อันนี้ป่าสงวนแห่งชาตินะครับ
.... ที่สามร้อยกว่าไร่ ป่าสงวน ซื้อได้ไง ใหญ่มาจากไหน เจ้าหน้าที่คนดัง ที่บุกวัดไล่พระ แถวเขาใหญ่ และกาญจนบุรีน่ะ ควรเร่งคดีนี้ด้วยนะครับ อย่าสองมาตรฐาน
... อย่าเล่นแต่ฝ่ายตรงข้าม แล้วทำเงียบกับพวกเดียวกันที่ผิดกฏหมาย ออกมาตรวจโดยด่วนครับ
....พลาดเองท่าน ยอมรับผิดบ้างเถอะ ..
...ด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม ท่านได้บุกรุกเข้าไปแล้ว ขนาดเข้าไปเก็บเห็ดยังโดนติดคุกเลย
...วัดพระธรรมกายคืนเงินแล้ว ก็ยังผิดพุทธอิสระคืนที่ดินแล้วก็จบเหรอ
อืมม ประเด็นคืนที่ดินแล้วจบ ที่ดินท่านสรยุทธ คืนแล้วก็จบเหมือนกันนะ เขายายเที่ยงนะ ก็เป็นบรรทัดฐานของขบวนการคนดีเค้า คือ คืนแล้วก็จบเลย
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจว่าท้ายที่สุดผลของคดีนี้จะเป็นอย่างไร คืนแล้วจะเงียบหรือมีการดำเนินคดีกับพุทธอิสระหรือเปล่า...
(ตัดเข้าภาพของ รายการคุณดนัย สัมภาษณ์พุทธอิสระผ่านโทรศัพท์ ไม่อยากถอดเสียง รำคาญหูนิดหน่อย เนื้อหาก็ราวๆ ที่พิธีกรสองคนได้ย่อไว้)
พิธีกรได้สรุป ว่า นี่เป็นการสัมภาษณ์ ครั้งแรกที่พุทธอิสระได้บอกชัดเจนว่า ได้ไปซื้อที่ดินมาจากชาวบ้าน ขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้
แต่วันนี้ กรมป่าไม้ก็มาบอกเองว่า ไม่มีการขออนุญาตใดๆทั้งสิ้น เพราะที่ตรงนั้นชาวบ้านไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว ไม่รู้ซื้อจากใคร หรือ ขออนุญาตกับใคร
ไม่ได้บิดเบือนข้อมูลใดๆนี่ตามข่าว อยากให้เร่งตรวจสอบ
เห็นว่าเร่งตรวจสอบจัง ของคุณแม่คุณอนันต์ อัศวโภคิน แลนด์แอนเฮาท์ ก็ต้องคืนที่กันไป ก็ของวัดพระธรรมกาย ก็จะไปยึดที่เค้าอีก
เอ้าผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก แต่ว่าทำผิดแล้วมาอ้างว่าเจตนาดี มันก็ไม่ใช่นะครับท่านผู้ชม